9 วิธี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้อนรับเดือน National Wellness กับ เมติคูลี่

1 เดือนกับ 9 วิธี ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

1 เดือนกับ 9 วิธี ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

รู้หรือไม่ว่า ? เดือนสิงหาคมของทุกปี คือ เดือนที่ถูกยกย่องให้เป็น National Wellness Month

โดย National Wellness Month ถูกพูดถึงเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2018 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาเริ่มต้นให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของตัวเองแบบองค์รวม ทั้งทางด้านของสุขภาพจิต สุขภาพกาย และสุขภาพใจ ผ่านการฝึกจัดการกับความเครียด การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการลงมือทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ที่สามารถช่วยส่งเสริมด้านสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น

เพราะฉะนั้นแล้ว เนื่องในโอกาสที่เดือนสิงหาคมได้เวียนกลับมาถึงอีกครั้ง วันนี้ Meticuly ในฐานะของการเป็นบริษัทผู้ผลิตวัสดุทดแทนกระดูกและกะโหลกเทียมไทเทเนียม จึงอยากจะขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมตั้งเป้าหมายในการดูแลร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของตัวเอง ผ่าน 9 วิธีการง่าย ๆ ที่สามารถช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับคุณได้มากกว่าที่คิดภายในระยะเวลา 31 วัน !

  1. หมั่นออกกำลังกาย
    การออกกำลังกายไม่ได้เป็นเพียงแค่วิธีการที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราสามารถมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และสามารถควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อการห่างไกลจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่านั้น แต่การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย ๆ 30 นาทีต่อวัน ตามข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลก ไม่ว่าจะด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ ในตอนเช้า การเดินเร็ว การเล่นโยคะ หรือการเต้นซุมบ้า ยังเป็นการช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการหลั่งสารเอ็นโดฟินส์ (Endophins) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขที่จะช่วยบรรเทาความเครียดและทำให้รู้สึกอารมณ์ดีได้มากยิ่งขึ้น
  2. ดื่มน้ำให้มากขึ้น
    ในแต่ละวัน ร่างกายของคนเรามักจะสูญเสียน้ำไปกับกิจกรรมต่าง ๆ ของร่างกายในปริมาณมาก เพราะฉะนั้นแล้วการดื่มน้ำเพื่อทดแทนน้ำในส่วนที่ร่างกายต้องสูญเสียไปให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสมกับน้ำหนักของตัวเอง จะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า อีกทั้งยังช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ช่วยเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญและการย่อยอาหารที่มีผลต่อการควบคุมน้ำหนักและที่สำคัญยังช่วยรักษาผิวพรรณให้สดใสอีกด้วย
  3. ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การได้ออกไปใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมกับการได้สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด หรือแม้กระทั่งการนั่งชมทิวทัศน์ของธรรมชาติ ล้วนส่งผลทำให้สุขภาพโดยรวมทั้งสุขภาพจิต สุขภาพกาย และสุขภาพใจของเราเกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีมากขึ้น เนื่องจากความงามของธรรมชาติไม่เพียงแต่สามารถช่วยผ่อนคลายความเครียด ช่วยลดความโกรธ ความกลัว และช่วยฟื้นฟูอารมณ์ในด้านลบของเราได้มากขึ้นเท่านั้น แต่การได้ดื่มด่ำกับความเงียบสงบของสวนสาธารณะ ป่าไม้ หรือชายหาดยังช่วยให้เราได้มีเวลาสื่อสารกับจิตใจตัวเอง และทำให้สมองผ่อนคลายจนส่งผลต่อการช่วยพัฒนาความจำ และทำให้อารมณ์ดีขึ้น
  4. ฝึกหายใจลึก ๆ
    การฝึกหายใจเข้าและออกลึก ๆ และการจดจ่ออยู่กับการยืดตัวและหดตัวของกล้ามเนื้อกะบังลมในขณะที่กำลังหายใจ จะช่วยกระตุ้นให้ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จากการที่จิตใจของเรามีความสงบและมีความวิตกกังวลน้อยกว่าการหายใจแบบตื้น ๆ หรือการกลั้นหายใจในชั่วขณะ โดยสำหรับการฝึกหายใจลึก ๆ นั้นก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ลองฝึกหายใจเข้าและออกลึก ๆ อย่างตั้งใจเพียงวันละ 2-3 นาที และหมั่นผสมผสานการฝึกหายใจลึก ๆ เข้ากับกิจวัตรประจำวัน เพียงเท่านี้ร่างกายของเราก็จะคุ้นชินกับการหายใจลึก ๆ และสามารถทำได้เองโดยอัตโนมัติ
  5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    การหลับตื้น หลับลึก และหลับฝันได้ครบวงจรของระยะการนอนหลับ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับคนทุกเพศทุกวัย เพราะการนอนหลับพักผ่อนถือเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ทั้งร่างกายและจิตใจของเราได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอยังสามารถช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่สำคัญออกมา เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลและยังช่วยส่งเสริมความยืดหยุ่นทางอารมณ์อีกด้วย
  6. ออกห่างโซเชียลมีเดียสักพัก
    ในโลกดิจิทัลที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นจุดศูนย์กลาง การได้หยุดพักและออกห่างจากหน้าจอโซเชียลมีเดีย ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตใจและร่างกายของเราให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง นอกจากนี้ การออกห่างจากโซเชียลมีเดียยังสามารถช่วยในเรื่องของการลดความวิตกกังวล สามารถในการควบคุมอารมณ์ การพัฒนาสุขภาพในองค์รวม และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยวิธีการที่จะช่วยให้เราสามารถออกห่างโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพอาจเริ่มต้นจากการเลิกเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้สมองได้พักผ่อนก่อนที่จะถึงช่วงเวลาของการเข้านอน
  7. ติดต่อกับเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว
    การพาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมในการสนทนาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย รวมไปถึงการได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะเพื่อนสนิทและคนในครอบครัว ผ่านการพูดคุยโทรศัพท์หรือการวิดีโอคอลด้วยกันในทุกวัน แม้ว่าจะเป็นการพูดคุยแบบสั้น ๆ เพียงแค่ 5 นาทีก็ตาม นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพจิตของเราเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลสุขภาพของตัวเองแบบองค์รวม
  8. บอกลาน้ำตาล และทานผักผลไม้ให้มากขึ้น
    ผลการสำรวจของสสส. ระบุว่า ในปัจจุบันนี้คนไทยกินน้ำตาลเฉลี่ยอยู่ที่ราว ๆ 25 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งมากเกินกว่าที่องค์การอนามัย (WHO) แนะนำให้กินน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน อยู่ที่ราว ๆ 4 เท่าเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแล้วการลดการบริโภคน้ำตาลและเลือกทานอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป ไปพร้อม ๆ กับการเติมสารอาหารที่จำเป็นและโภชนาการที่เหมาะสมที่จะช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกาย ผ่านการเลือกทานผักและผลไม้หวาน ๆ ให้ครบทั้ง 5 สี ในปริมาณอย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ในการบอกลาน้ำตาล รวมถึงช่วยเสริมสุขภาพร่างกายให้มีความแข็งแรงและห่างไกลจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้มากยิ่งขึ้น
  9. เลือกชีวิตที่ดีกว่า ด้วยแนวทางการรักษาที่ดีกว่า
    แม้ว่าเราจะมีการดูแลสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของเราอย่างดีมากสักแค่ไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายที่ไม่คาดฝันเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเกิดโรคร้ายที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง เนื้องอก หรือการเกิดอุบัติเหตุที่นำไปสู่การสูญเสียกระดูก ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างมนุษย์ที่ไม่สามารถทำการซ่อมแซมหรือสร้างขึ้นมาใหม่ได้ จนส่งผลทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถกลับมาดูแลช่วยเหลือตัวเองและกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีตามเดิมได้อีกครั้ง ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพจิต สุขภาพกาย และสุขภาพใจอีกมากมายตามมา

 

กะโหลกเทียมไทเทเนียม

แต่ทว่าด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันนี้ ส่งผลให้แนวทางการรักษาในรูปแบบใหม่ด้วยการใช้กระดูกเทียมไทเทเนียม หรือกะโหลกเทียมไทเทเนียม แทนวัสดุทดแทนกระดูกประเภทอื่น ๆ จึงได้ถือกำหนดขึ้น ภายใต้เป้าหมายในการช่วยฟื้นบำรุงและคืนคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับผู้ป่วย ด้วยความโดดเด่นในการปรับแต่งรูปแบบ ขนาด และลักษณะที่เหมาะสมของกะโหลกเทียมไทเทเนียมให้มีความเหมาะสมกับสรีระร่างกายที่มีความแตกต่างกันอออกไปในผู้ป่วยแต่ละคนได้ตามต้องการ

นอกจากนี้ขั้นตอนในการผ่าตัดปิดกะโหลกศีรษะด้วยการใช้กะโหลกเทียมไทเทเนียมยังใช้เวลาในการผ่าตัดที่น้อยกว่า จึงทำให้คนไข้สูญเสียเลือดน้อยกว่า และยังสามารถช่วยทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้นจนสามารถกลับมามีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรงขึ้นได้อีกครั้ง

Meticuly คือ บริษัทผู้ผลิตวัสดุทดแทนกระดูกอย่าง กระดูกเทียมไทเทเนียม และกะโหลกเทียมไทเทเนียมรายแรกของประเทศไทย ที่เป็นเจ้าของการออกแบบและกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO และ USFDA ซึ่งเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจให้กับแพทย์และผู้ป่วยทุกท่านได้ว่า สิ่งที่ท่านได้รับจะเป็นกระดูกเทียมไทเทเนียมและกะโหลกเทียมไทเทเนียมจากฝีมือคนไทยที่มีคุณภาพสูงสุดในระดับสากล และเป็นทางเลือกในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีความต้องการใช้งานวัสดุทดแทนกระดูกอย่างแท้จริง

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ :
บริษัท เมติคูลี่ จำกัด
Email : [email protected]
Facebook : meticuly
LinkedIn : meticuly
Line : @meticuly
โทรศัพท์ : 02 334 0539

Share This

Copy Link to Clipboard

Copy