Testsimonial โอกาสครั้งที่สองกับการรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกด้วยกระดูกเทียมไทเทเนียมจาก Meticuly

รักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตก

เอาชนะข้อจำกัดในการรักษากระดูกเบ้าตาแตกด้วยกระดูกเทียมไทเทเนียม

กระดูกเบ้าตาเป็นหนึ่งในโครงสร้างที่มีความแข็งแรงไม่แพ้กระดูกส่วนอื่น ๆ ภายในร่างกาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การประสบอุบัติเหตุจากการถูกกระแทกที่บริเวณใบหน้าและกะโหลกศีรษะด้วยวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่าขอบเบ้าตา อย่างเช่น ลูกบอลหรือลูกเทนนิสในขณะที่เล่นกีฬา กำปั้นจากการถูกชก หรือการถูกกระแทกจากวัตถุอื่น ๆ ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กระดูกเบ้าตาที่แข็งแรงสามารถเกิดการแตกหักเสียหาย จนนำไปสู่การเกิดภาวะกระดูกเบ้าตาแตก (Orbital Fracture) ที่สามารถก่อให้เกิดการบาดเจ็บในหลายอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็น ดวงตา, เปลือกตา, ระบบท่อน้ำตา, กระดูกรอบ ๆ เบ้าตาและกระดูกเบ้าตา, กระดูกโพรงไซนัส และสมองได้

ซึ่งภาวะกระดูกเบ้าตาแตกนั้น ถือเป็นการบาดเจ็บเกี่ยวกับดวงตาที่ร้ายแรง และเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาทันทีภายในระยะเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง เพื่อเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยต้องสูญเสียความสามารถในการมองเห็น โดยในวันนี้ Meticuly ก็ได้รับโอกาสอันดีจากคุณภาคิน หนึ่งในผู้ป่วยที่ได้เข้ารับการผ่าตัดรักษาซีสต์ ที่เกิดขึ้นมาจากการเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกเมื่อราว ๆ 15-16 ปีที่แล้ว ที่จะมาร่วมพูดคุยถึงรายละเอียดในการรักษาและมุมมองเกี่ยวกับการเลือกใช้งานกระดูกเทียมไทเทเนียมจาก Meticuly ไปด้วยกันในบทความนี้

จุดเริ่มต้นของการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตก และวินาทีแรกที่พบความผิดปกติบนใบหน้า

เมื่อประมาณ 15-16 ปีที่แล้ว คุณภาคินเล่าว่า ตนเองได้ประสบอุบัติเหตุจนเป็นผลทำให้กระดูกเบ้าตาแตกละเอียด และได้เข้ารับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกในอดีตนั้นจะเป็นการรักษาไปตามอาการด้วยวิธีการขันนอตเพื่อทำการยึดกระดูกเบ้าตาเอาไว้ด้วยกัน โดยหลังจากนั้นคุณภาคินก็เล่าต่อว่า ตนเองก็ได้ใช้ชีวิตมาตามปกติราว ๆ 14-15 ปี ก่อนจะพบว่าใบหน้าของตนเองนั้นเกิดอักเสบขึ้นมาและมีอาการบวมที่บริเวณโหนกแก้มอย่างชัดเจนจนเกือบจะปิดตา

โดยถึงแม้ว่าความผิดปกติที่บนใบหน้า ที่เกิดขึ้นในบริเวณเดียวกันกับบริเวณที่เคยเกิดอุบัติเหตุและต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกมาเมื่อ 14-15 ปีที่แล้ว จะไม่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่คุณภาคินก็ได้ยอมรับกับทาง Meticuly ว่า ตนเองนั้นเกิดความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของตนเองมากขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะถึงแม้ว่าผู้คนที่คุณภาคินจะต้องพบปะด้วยส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวันจะทราบว่าคุณภาคินเคยประสบอุบัติเหตุที่บริเวณใบหน้ามาก่อน แต่ก็ยังมีลูกค้าอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยพบกันมาก่อนและมักจะมีคำถามเกิดขึ้นเสมอว่า ใบหน้าของคุณภาคินไปโดนอะไรมา ทำไมถึงมีอาการแบบนั้น นอกจากนี้ อาการบวมของใบหน้าที่เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ วันก็ยังทำให้คุณภาคินเกิดความกังวลว่า กระดูกที่เคยทำการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกจะเกิดการเคลื่อนที่ หลุด ชำรุด หรือเสื่อมสภาพลงไหม หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดนั้นตนเองอาจจะเป็นโรคร้ายหรือไม่…

แนวทางการรักษา และความถี่ในการไปโรงพยาบาลก่อนเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกอีกครั้ง

“ผมมองเห็นได้ปกติ และผมมักจะไปโรงพยาบาลคนเดียวเพราะสะดวกกว่า” นี่คือสิ่งที่คุณภาคินบอกกับเราเกี่ยวกับการเดินทางไปโรงพยาบาลก่อนเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกอีกครั้ง โดยในตอนแรกหลังจากที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบนใบหน้า คุณภาคินได้ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนทั่วไปเพราะคิดว่าอาจจะเป็นแค่การอักเสบทั่วไปเท่านั้น ก่อนจะได้รับยามาทานแต่อาการดังกล่าวนั้นก็ยังไม่หายไป คุณภาคินเลยเริ่มรู้สึกว่าอาการดังกล่าวนั้นไม่ปกติ เลยตัดสินใจไปพบแพทย์อีกครั้งที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก เพราะต้องเข้ารับการรักษากับคุณหมอเฉพาะทางในด้านนี้โดยตรง

หลังจากนั้นทางทีมแพทย์ก็ได้มีการ follow up อาการของคุณภาคินมาเรื่อย ๆ จนมาถึงอาจารย์ณัฐวุฒิที่ได้สั่งให้ทำ CT Scan โดยการฉีดสีเข้าไป ก่อนจะพบว่าบริเวณที่คุณภาคินเคยเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกมีก้อนเนื้อที่กลายเป็นซีสต์เกิดขึ้น หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่การทำให้ตาบอดได้ในอนาคต หลังจากนั้นทางทีมแพทย์จึงได้มีการผ่าตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจหาว่ามีเชื้อมะเร็งหรือไม่ โดยผลการตรวจนั้นปลอดภัยไม่มีชิ้นเนื้อมะเร็ง หลังจากนั้นทางทีมแพทย์จึงได้มีแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาในขั้นตอนอื่น ๆ ทั้งหมด โดยหลังจากที่มีการผ่าตัดชิ้นเนื้อไปตรวจและระบายเลือดออกนั้น อาการบวมดังกล่าวนั้นก็ดีขึ้น แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักประมาณเดือนหนึ่งก็กลับมาบวมอีกครั้ง คุณภาคินจึงได้เดินทางไปโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อพูดคุยถึงแนวทางในการผ่าตัด

ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อของกระดูกเทียมไทเทเนียม

ในตอนนั้นทางอาจารย์ณัฐวุฒิและทีมแพทย์ได้เสนอแนวทางในการผ่าตัดรักษาก้อนซีสต์ดังกล่าวให้กับคุณภาคินด้วยกันทั้งหมด 2 วิธี โดยวิธีการแรกจะเป็นการใช้กระดูกเทียมไทเทเนียมในการทดแทนชิ้นส่วนกระดูกเดิมที่เสียหายไปจากการประสบกับภาวะกระดูกเบ้าตาแตก และอีกหนึ่งวิธีคือกระดูกนำเอากระดูกที่หน้าแข้งมาใส่แทนกระดูกบริเวณใบหน้าและกระดูกเบ้าตาที่จะต้องถูกนำออกไปเพื่อป้องกันการเกิดซีสต์ในอนาคต

“หลังจากตัดสินใจเลือกใช้กระดูกเทียมไทเทเนียมก็ได้มารู้จักกับ Meticuly”

โดยหลังจากที่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางในการรักษาโดยการเลือกใช้กระดูกเทียมไทเทเนียมเพื่อทดแทนกระดูกเบ้าตา ทางอาจารย์ณัฐวุฒิและทีมแพทย์ก็ได้มีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระดูกเทียมไทเทเนียมอย่างละเอียด และทางคุณภาคินเองก็ได้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระดูกเทียมไทเทเนียมบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างละเอียด ร่วมกับการขอรับคำแนะนำจากพี่สาวที่เป็นแพทย์ ก่อนจะพบว่าการใช้กระดูกเทียมไทเทเนียมเพื่อทดแทนกระดูกเบ้าตานั้นมีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย ใส่ได้ตลอดชีวิต โอกาสในการติดเชื้อต่ำ ไม่ต้องเจ็บหลายครั้ง อีกทั้งยังมีราคาที่สามารถจับต้องได้จึงได้ตัดสินใจเลือกใช้วิธีการนี้ในท้ายที่สุด

ความกังวลและความคาดหวังก่อนการเข้ารับการผ่าตัด

“ผมอยากให้โครงหน้ากลับมาเป็นปกติ อาจจะไม่ 100% แต่ก็ขอให้ใกล้เคียง” นี่คือสิ่งที่คุณภาคินและผู้ป่วยหลาย ๆ คนที่เข้ารับการผ่าตัดรักษาด้วยกระดูกเทียมไทเทเนียมของ Meticuly มักจะบอกกับทีมงานของเรา โดยคุณภาคินยังได้เสริมอีกว่า ตนเองนั้นอยากให้ใบหน้าทั้งสองด้านมีความใกล้เคียงกันเพราะค่อนข้างจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเอง โดยก็มีการทำความเข้าใจเอาไว้แล้วว่าอาจจะไม่เหมือนเดิม 100% แต่คุณภาคินก็เชื่อมั่นว่ากระดูกเทียมไทเทเนียมจะดีกว่าของเดิมแน่นอน

ในส่วนของความกังวลใจ “ผมกังวลในเรื่องของการดมยาสลบ ผมกลัวว่าจะไม่ฟื้น” คุณภาคินบอกกับทีมงานของ Meticuly ด้วยน้ำเสียงติดตลกในระหว่างการให้สัมภาษณ์ นอกจากนี้คุณภาคินยังมีความกังวลใจอีกว่าการที่จะต้องใส่กระดูกเทียมไทเทเนียมเข้าไปในร่างกายจะทำให้ตนเองขยับใบหน้าไม่ได้ รวมถึงเคี้ยวอาหารไม่ได้หรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้นคุณภาคินก็ยังคงให้ความไว้วางใจในทีมแพทย์และผลิตภัณฑ์กระดูกเบ้าตาเทียมของ Meticuly อย่างดีที่สุด

ความรู้สึกหลังจากเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกอีกครั้งด้วยกระดูกเทียมไทเทเนียมของ Meticuly

หลังจากที่แผลจากการผ่าตัดหายดีเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น คุณภาคินบอกกับเราว่า ตนเองค่อนข้างจะโล่งใจระดับหนึ่ง เพราะในการผ่าตัดนั้นไม่ได้มีอาการแทรกซ้อนที่น่ากังวลใจเกิดขึ้น จะมีก็เพียงแค่อาการชา ซึ่งทางอาจารย์ณัฐวุฒิก็ได้มีการอธิบายเพิ่มเติมว่าในระหว่างการผ่าตัดทดแทนกระดูกเบ้าตาด้วยกระดูกเทียมไทเทเนียมนั้น ทางทีมแพทย์มีความจำเป็นที่จะต้องทำการเลาะเส้นประสาทออกไปบางส่วนจึงอาจทำให้คุณภาคินเกิดอาการชาไปได้ตลอดชีวิต ซึ่งในช่วงแรกคุณภาคินก็ยอมรับว่าอาการดังกล่าวค่อนข้างส่งผลต่อการใช้ชีวิต เพราะทำให้เกิดความรู้สึกรำคาญเวลาเกิดอาการชาหรือตึง ๆ ที่ใบหน้า

แต่หลังจากผ่านมาประมาณ 4 ปีหลังจากการเข้ารับการผ่าตัด คุณภาคินก็เริ่มค่อย ๆ ปรับตัวให้ชินกับอาการดังกล่าวได้มากยิ่งขึ้น โดยคุณภาคินสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถออกกำลังกายและเข้ายิมได้โดยที่ไม่มีปัญหา นอกจากนี้กระดูกเทียมไทเทเนียมและกระดูกเบ้าตาเทียมก็ยังไม่ก่อให้เกิดปัญหาในระหว่างการเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เนื่องจากกระดูกเทียมไทเทเนียมสามารถผ่านเครื่องสแกนได้ตามปกติ อีกทั้งเมื่อเจออากาศร้อน-หนาวหรือดื่มแอลกอฮอล์ก็ให้ความรู้สึกที่ปกติเช่นเดิม จนทำให้ตอนนี้คุณภาคินสามารถใช้ชีวิตร่วมกับไทเทเนียมได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคุณภาคินก็ยังเข้ารับการ follow up ผลกับทีมแพทย์อย่างต่อเนื่องว่าในอนาคตจะมีเอฟเฟกต์อะไรเกิดขึ้นบ้างหรือไม่

สิ่งที่อยากจะฝากถึงผู้ที่กำลังมีความลังเลเกี่ยวกับแนวทางในการรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกด้วยกระดูกเทียมไทเทเนียม

สำหรับผู้ป่วยที่กำลังประสบกับภาวะกระดูกเบ้าตาแตก หรือความเจ็บป่วยในด้านอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นจะต้องเลือกใช้วัสดุทดแทนกระดูกในขั้นตอนของการผ่าตัดรักษา แต่ทว่ายังคงมีความลังเลอยู่ว่าควรจะเลือกใช้กระดูกเทียมไทเทเนียมดีหรือไม่ คุณภาคินก็ได้มีการฝากคำพูดทิ้งท้ายถึงผู้ป่วยทุกคนว่า “กระดูกเทียมไทเทเนียมมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงแต่มันเป็นสิ่งที่อยู่กับเราทั้งชีวิต เมื่ออะไหล่เราเสียไปแล้วเอาของเทียมมาใส่ มันก็ควรจะเป็นของเทียมที่เป็นอะไหล่ที่แท้ เหมือนรถยนต์เปลี่ยนอะไรแท้มันก็จะอยู่กับเรานาน อาจจะไม่ 100% แต่ก็ต้องเทียบเคียงกับของแท้ให้ได้มากที่สุด”

Meticuly คือ บริษัทผู้ผลิตวัสดุทดแทนกระดูกอย่าง กระดูกเทียมไทเทเนียม กะโหลกเทียมไทเทเนียม และกระดูกเบ้าตาเทียมรายแรกของประเทศไทย ที่เป็นเจ้าของการออกแบบและกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO และ USFDA ซึ่งเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจให้กับแพทย์และผู้ป่วยทุกท่านได้ว่า สิ่งที่ท่านได้รับจะเป็นกระดูกเทียมไทเทเนียมและกะโหลกเทียมไทเทเนียมจากฝีมือคนไทยที่มีคุณภาพสูงสุดในระดับสากล และเป็นทางเลือกในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีความต้องการใช้งานวัสดุทดแทนกระดูกอย่างแท้จริง

Meticuly ขอขอบพระคุณ คุณภาคิน ที่ให้เกียรติสละเวลามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสัมภาษณ์เกี่ยวกับประสบการณ์ในการเข้ารับการผ่าตัดรักษาภาวะกระดูกเบ้าตาแตกด้วยกระดูกเทียมไทเทเนียมจาก Meticuly เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยท่านอื่น ๆ สืบต่อไป

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ :
บริษัท เมติคูลี่ จำกัด
Email : [email protected]
Facebook : meticuly
LinkedIn : meticuly
Line : @meticuly
โทรศัพท์ : 02 334 0539

Share This

Copy Link to Clipboard

Copy